Hom rong โหมโรง

No Comments

Hom rong โหมโรง

Hom rong โหมโรง

เรื่องย่อ Hom rong โหมโรง

Hom rong (2004) โหมโรง โหมโรง (อังกฤษ: The Overture) เป็นภาพยนตร์ไทยในปี พ.ศ. 2547 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับดนตรีไทย เนื้อเรื่องได้เค้าโครงมาจากประวัติของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้รับรางวัลมากมายในประเทศ และยังได้รับเลือกในฐานะ Official Selection จากประเทศไทย ในการเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในการประกาศรางวัลอะแคเดมี อีกด้วย กำกับโดย อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์[1] และอำนวยการผลิตโดย นนทรีย์ นิมิบุตร และ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ภาพยนตร์ทำรายได้ 52.72 ล้านบาท นำแสดงโดย อนุชิต สพันธุ์พงษ์, อดุลย์ ดุลยรัตน์, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, อาระตี ตันมหาพราน, สุเมธ องอาจ, ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง, อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า จากวง บอยไทย รับบทเป็น ขุนอิน ภายหลังดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ โดยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อ พ.ศ. 2555 เรืองราว Hom rong (The Overture) เหตุการณ์เริ่มขึ้นราวพุทธศักราช 2429 ในประเทศสยาม ศร เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด ได้รับการถ่ายทอดฝีมือในการตีระนาดเอกจาก ครูสิน ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและครูสอนดนตรีไทย ผู้มีปมในชีวิต หลังการสูญเสียพี่ชายของศรผู้ซึ่งถูกนักเลงระนาดคู่ปรับฆ่า เป็นเหตุให้ครูสินตัดสินใจหยุดการสอนดนตรีไทยลง ด้วยคำเตือนสติจากหลวงพ่อ ทำให้ครูสินกลับมาสอนดนตรีไทยอีกครั้ง เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสและการพัฒนาพรสวรรค์ในการตีระนาดของศร ศรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือตีระนาดจากบิดา และมีทิว เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเวลา ศร กลายเป็นดาวเด่นในเชิงระนาดเมื่อก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม ฝีมือของศรยากหาใครทัดเทียมในอัมพวา หลังจากชนะประชันครั้งแล้วครั้งเล่า ศรจึงเกิดความลำพองในฝีมือของตนเอง จนเมื่อศรเดินทางเข้ามายังบางกอก เขาพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกต่อขุนอิน ผู้มีฝีมือการเล่นระนาดในระดับสูง และมีทางระนาดที่ดุดัน ศรกลายเป็นคนที่สูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เขาก็กลับมามุมานะฝึกปรือฝีมืออีกครั้ง และคิดค้นทางระนาดแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร จนในที่สุด ศรก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงในพระราชวัง เขาได้รับการอุปถัมป์ให้เป็นนักดนตรีประจำราชสำนัก และได้พบกับ แม่โชติ สตรีผู้สูงศักดิ์ที่กลายมาเป็นคู่ชีวิตของศรในเวลาต่อมา ในที่สุด หลังจากผ่านการบ่มเพาะทั้งฝีมือและจิตใจมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ศรก็สามารถมีชัยเหนือขุนอินได้สำเร็จ ล่วงเข้าสู่วัยชราของศร เขากลายเป็นครูดนตรีอาวุโสที่มีลูกศิษย์มากมาย ขณะที่บ้านเมืองกำลังเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก รัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงประเทศให้มีความทันสมัย และออกระเบียบควบคุมศิลปะแขนงต่างๆ รวมทั้งดนตรีไทย โดยมี พันโทวีระ นายทหารหนุ่มที่รับหน้าที่ดูแลนโยบายดังกล่าว และต้องมาเผชิญหน้ากับ ครูศร ผู้ผ่านการแพ้-ชนะมานับครั้งไม่ถ้วนในวัยหนุ่ม และกำลังเข้าสู่บั้นปลายของชีวิตในวันที่ดนตรีไทยถูกคุกคาม Based on the life of Luang Pradit Pairoh (Sorn Silapabanleng) the most revered traditional Thai music master who lived during the reigns of Kings Rama V to VIII, the movie traces the life of Sorn, who picked up the ra-nad ek (Thai xylophone) mallets as a small child and played all his life. The backdrop to Sorn's life tale is the story of Thailand's classical music from its golden age during the reign of King Rama V to near extinction after the end of the absolute monarchy when the government banned it as uncivilised in the 1930s -- a time when Field Marshall Plaek Pibulsongkram tried to push the Kingdom into the modern era. The film shifts back and forth from the time when Sorn was a young man, playing in a xylophone duel with the intense Kun In, to the 1940s, when Thailand was under Japanese occupation and Sorn's playing would provide some inspiration to the oppressed citizenry of the time.
** ภาพ Master เสียง ไทยมาสเตอร์ นะจ๊ะ **

back to top
-->